';

Historical Origins of the Faculty of Law

History and Information about the Faculty

Originally, the study of law was carried out in a piecemeal fashion by recruiting individual experts as teachers. There was no law school as an institution for imparting knowledge in the field of law in a formal manner. However, in the year R.S. 111 (1892), Chao Phya Abhai Raja Siammanukulkij (M. Rolin-Jaequemyns), advisor to the government of King Chullalongkorn, Rama V, expressed his opinion that this course should be established to improve law making and the management of the courts of justice, since at that time Thailand was at a disadvantage compared to other nations in many matters, especially in relation to the issue of extraterritorial rights. Therefore, in the year R.S. 116 (1897) when Prince Rabhipatthanasak (later, Phra Chao Boromwong Ter Phraong Rabhipatthanasak, Kromluang Ratchaburi Direkrit) took the position of the Chancellor of the Ministry of Justice, he established a law school to formally provide education in the field of law. However, at that time the law school did not have official status until 7 June 1911, when King Rama VI founded a royal school for higher education under the auspices of the Ministry of Justice and graciously allowed the premises to be moved to the foot of the Phan Phiphop Lila bridge.

abt-info-history_img01
2476 – 2477

On 25 April 1933, or about one year after the change of government, King Prajadhipok issued a royal proclamation to integrate the study of law within Chulalongkorn University. Approximately 11 months later on 17 March BE 2476 (originally the calendar year ran from 1 April. Converting into the modern calendar which runs from 1 January, this would be 17 March BE 2477 (CE 1934)) the University of Moral and Political Science was founded (officially opening on 27 June 1934) by promulgation of the “University of Moral and Political Science Act BE 2476” which had the effect of transferring the Faculty of Law and Political Science in Chulalongkorn University, together with all of its assets and budget, to the University of Moral and Political Science. It only had one educational programme, an undergraduate programme focusing on law courses together with courses on politics and economics.


2492 – 2496

Later, in March 1949 after the Palace Rebellion, the government submitted two proposals to university executives as follows:

1) To change the name of the university, by removing the word “Political”; and

2) To divide education at the university among different faculties

Both proposals were accepted by the university’s executives. Regarding changing the name of the university, over a three year process the University of Moral and Political Science became Thammasat University, its name today. Regarding the proposal on dividing education at the university among different faculties, this received the same response. Education was divided among four faculties: 1) the Faculty of Law, 2) the Faculty of Commerce and Accounting, 3) the Faculty of Political Science, and 4) the Faculty of Economics. The original undergraduate programme gradually closed by the year, and the course was closed completely in the year 1953. Therefore, it can be said that the Faculty of Law was established on 14 June 1949. Those students on the original undergraduate programme who had not completed their studies in 1953 were permitted to transfer to the Faculty of Law.


2515 – 2549

In the academic year 1972, the Faculty of Law opened a graduate law programme to give the opportunity to graduates from other faculties to study law, by way of studying the compulsory courses of the second, third and fourth years of the undergraduate programme of the Faculty of Law. Graduates of this programme have the right and honour to be law graduates of Thammasat University in all respects.

 

Later, in the academic year 1986, the Faculty of Law implemented a policy of the university to transfer the teaching of the first year of the undergraduate degree (regular programme) to Thammasat University, Rangsit Campus, and this policy expanded to the second year in the academic year 2002, and then in academic year 2006, all teaching on the undergraduate degree (regular programme) was transferred to the Rangsit Campus.


2552 – ปัจจุบัน

The Faculty of Law sees the importance of expanding educational opportunities to the regions. The Faculty of Law has expanded its teaching to the North region by offering the graduate course in law at the Thammasat University Lampang Campus and, after gathering information and making sufficient preparations, in academic year 2009 the Faculty of Law established the undergraduate programme (regular programme) at the Thammasat University Lampang Campus, which each year accepts approximately 200-250 students using the same standards as the Thammasat University Rangsit Campus, including the same courses and lecturers. Now the Faculty of Law has opened additional programmes teaching law in English at Master’s and Bachelor’s level in academic years 2009 and 2014 respectively, in response to the internationalisation of the university, society and the nation.


หลักสูตรนิติศาสตรมหาบัณฑิต สาขากฎหมายทั่วไป

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 1

สร้างบัณฑิตที่มีคุณลักษณะ GREATS

เป้าประสงค์ สร้างนักกฎหมายที่มีคุณลักษณะ GREATS ด้วยกระบวนการเรียนรู้ที่ ส่งเสริมให้คิดเป็นและสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  1. ส่งเสริมให้นักศึกษาพัฒนาทัศนคติและทักษะที่จำเป็นในการปฏิบัติงานในโลกยุคใหม่ เช่น การคิดวิเคราะห์ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ การทำงานร่วมกับผู้อื่น การปรับตัว การเรียนรู้ตลอดชีวิต การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ และการจัดการเวลา เป็นต้น โดยจัดในรูปกิจกรรมที่สอดแทรกอยู่ในวิธีการเรียนการสอนและการวัดผลทางการศึกษา หรือจัดในรูปกิจกรรมนอกห้องเรียน
  2. ผลักดันและร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในการปรับปรุงวิชาศึกษาทั่วไปเพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะของวิชานิติศาสตร์และช่วยส่งเสริมความรู้และทักษะอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการศึกษาและประกอบวิชาชีพกฎหมายอย่างแท้จริง
  3. แก้ไขปรับปรุงหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต (ภาคบัณฑิต) เพื่อให้สอดคล้องกับธรรมชาติของการศึกษากฎหมายสำหรับผู้ที่เคยผ่านการศึกษาระดับปริญญาตรีและมีประสบการณ์การทำงานมาก่อน
  4. จัดทำหลักสูตรเตรียมความพร้อม (pre-law) สำหรับนักศึกษาใหม่ในระดับชั้นปริญญาตรีอย่างจริงจังเพื่อให้นักศึกษาใหม่เกิดความคุ้นเคยกับการศึกษากฎหมาย และเกิดความตระหนักรู้ถึงความท้าทายต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในระหว่างการศึกษา สามารถรับมือความเครียดและความกดดันอันเกิดจากการศึกษาและการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย
  5.  จัดทำหลักสูตรเตรียมความพร้อมสำหรับการประกอบวิชาชีพและการทำงานกฎหมายในภาคปฏิบัติ (workshop on legal practice) เพื่อให้นักศึกษาที่ใกล้สำเร็จการศึกษามีทักษะที่จำเป็นสำหรับการเริ่มต้นประกอบวิชาชีพกฎหมาย และเกิดความตระหนักรู้ถึงความท้าทายต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในการทำงานหรือการศึกษาต่อ รวมทั้งส่งเสริมให้นักศึกษาได้มีโอกาสนำความรู้กฎหมายไปปฏิบัติจริงให้มากขึ้น ผ่านโครงการฝึกงาน โครงการช่วยเหลือสังคม และกิจกรรมอื่น ๆ
  6.  ศึกษาความเป็นไปได้และส่งเสริมให้เกิดหลักสูตรร่วมข้ามสาขาวิชาในระดับชั้นปริญญาตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาขานิติศาสตร์ กับสาขาการบัญชีหรือสาขาการบริหารธุรกิจ เพื่อผลิตนักกฎหมายที่มีความรู้เข้าใจธรรมชาติของธุรกิจ หรือผลิตนักบัญชีหรือบริหารธุรกิจที่มีความรู้ความเข้าใจกฎหมาย นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้นักศึกษากฎหมายในระดับชั้นปริญญาตรีได้ศึกษาวิชาเลือกที่เกี่ยวข้องกับการบัญชี การบริหารธุรกิจ หรือเศรษฐศาสตร์เพิ่มมากขึ้น
  7.  ส่งเสริมการเปิดหลักสูตรปริญญาตรีควบปริญญาโทกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศ โดยที่นักศึกษาจะศึกษาในหลักสูตรปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นเวลา 3 ปีและศึกษาในหลักสูตรปริญญาโทในมหาวิทยาลัยต่างประเทศอีก 1 ปี โดยจะได้รับทั้งปริญญาตรีและโททางกฎหมายเมื่อสอบผ่านหลังจากที่ศึกษามาครบ 4 ปี โดยแก้ไขหรือปรับปรุงหลักสูตรเพื่อส่งเสริมให้นักศึกษาปริญญาตรีในหลักสูตรภาษาไทยสามารถเข้าร่วมโครงการได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
  8. ส่งเสริมการเปิดหลักสูตรปริญญาโทร่วม (Double LLMs) โดยสอนเป็นภาษาอังกฤษกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ
  9. ศึกษาความเป็นไปได้ในการเปิดหลักสูตรปริญญาโทที่คณะนิติศาสตร์ ศูนย์ลำปาง
  10. ส่งเสริมให้นักศึกษาในหลักสูตรภาษาไทยได้มีโอกาสพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษมากยิ่งขึ้นโดยการเปิดสอนวิชาเลือกทางนิติศาสตร์เป็นภาษาอังกฤษ และการจัดอบรมและกิจกรรมเพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ
  11. จัดตั้งหน่วยงานหรือกลไกในการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ (emotional intelligence) และดูแลสุขภาพจิต (mental health) ของนักศึกษาอย่างจริงจัง ตั้งแต่เริ่มต้นเข้าศึกษา ระหว่างการศึกษา และก่อนสำเร็จการศึกษา
  12. ส่งเสริมให้นักศึกษาได้มีโอกาสทำกิจกรรมวิชาการและกิจกรรมทางสังคมกับนักศึกษาต่างชาติ และได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนในระดับชั้นปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษากับมหาวิทยาลัยต่างชาติที่เป็นคู่สัญญาเพื่อเปิดโลกทัศน์และแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ ทั้งนี้จะมีการแก้ไขหรือปรับปรุงหลักสูตรเพื่อส่งเสริมให้นักศึกษาในหลักสูตรภาษาไทยสามารถเข้าร่วมโครงการได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
  13. จัดทำโครงการ mentoring เพื่อให้ศิษย์เก่าที่มีประสบการณ์และเป็นแบบอย่างที่ดีมีส่วนร่วมในการดูแลและให้คำแนะนำนักศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประกอบวิชาชีพ
  14. ศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์
  15. ส่งเสริมให้นักศึกษาใช้เทคโนโลยีในการเรียนรู้ การศึกษาและวิจัยเพิ่มมากขึ้น

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 2

สร้างสรรค์งานวิจัยและนวัตกรรมที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ในเชิงพัฒนาต่อสังคมไทยและสังคมโลก

เป้าประสงค์ ผลิตงานวิจัยและนวัตกรรมที่มีคุณภาพระดับมาตรฐานสากลและนำไปใช้ประโยชน์อย่างบูรณาการและยั่งยืน 

  1. จัดทำโครงการ Young Scholar Workshop หรือ Young Researcher Workshop เป็นภาษาไทยและ/หรือภาษาอังกฤษ เป็นประจำทุกปี เพื่อพัฒนาทักษะการวิจัยตามมาตรฐานสากลให้กับอาจารย์ประจำและนักวิจัยทางนิติศาสตร์รุ่นใหม่ของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเปิดโอกาสให้นักวิชาการในสถาบันอื่น ๆ ของไทยและประเทศเพื่อนบ้านเข้าร่วมโครงการ
  2. ส่งเสริมให้อาจารย์ประจำเข้าร่วมโครงการ visiting research/scholar fellowship ในมหาวิทยาลัยต่างประเทศชั้นนำเพื่อเรียนรู้การทำงานวิจัยที่มีคุณภาพระดับมาตรฐานสากล
  3. ส่งเสริมให้มีการตีพิมพ์ผลงานวิจัยของอาจารย์ประจำในวารสารที่มีชื่ออยู่ในฐานข้อมูลระดับนานาชาติเพิ่มมากขึ้น โดยการเพิ่มแรงจูงใจในรูปแบบต่าง ๆ
  4. ส่งเสริมให้มีการทำวิจัยร่วมกันระหว่างอาจารย์ประจำและอาจารย์หรือนักวิจัยของสถาบันการศึกษาชั้นนำในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น
  5. ส่งเสริมให้มีการนำผลของการวิจัยไปใช้เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนหรือการพัฒนาสังคมมากยิ่งขึ้น มีการเผยแพร่งานวิจัยเพื่อให้ความรู้แก่สังคมในรูปแบบที่น่าสนใจและเข้าถึงได้โดยง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ และพัฒนาฐานข้อมูลงานวิจัยของอาจารย์และนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา เพื่อการสืบค้นและการเผยแพร่
  6. ส่งเสริมให้มีการวางรากฐานทักษะในการทำวิจัยแก่นักศึกษาปริญญาตรี เพื่อให้สามารถพัฒนาต่อยอดได้ภายหลังสำเร็จการศึกษา และเปิดโอกาสให้นักศึกษาปริญญาตรีมีส่วนร่วมและฝึกทักษะการวิจัยในฐานะผู้ช่วยวิจัย
  7. จัดทำวารสาร Thammasat Journal of Thai Legal Studies เป็นภาษาอังกฤษเพื่อเป็นช่องทางในการเผยแพร่ความรู้ที่ได้จากงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายไทยเพื่อให้เป็นที่รับรู้ในระดับสากล

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 3

สร้างเครือข่ายความร่วมมือทั้งภายในและภายนอกประเทศ

เป้าประสงค์ ผลักดันให้เกิดการสร้างความร่วมมือทั้งภายในและภายนอกประเทศเพื่อการพัฒนาคุณภาพทางวิชาการและการพัฒนาสังคม 

  1. ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาและวิจัยชั้นนำในต่างประเทศ และผลักดันให้เกิดการทำกิจกรรมทางวิชาการร่วมกันอย่างจริงจังและสม่ำเสมอภายใต้กรอบความร่วมมือ
  2. การจัดการหลักสูตรอบรมระยะสั้น เช่น Young Scholar Workshop หรือ Young Researcher Workshop โดยให้นักวิชาการจากประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าร่วม เช่น ลาว พม่า กัมพูชา เพื่อให้คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นต้นแบบและเป็นศูนย์กลางของเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
  3. ส่งเสริมให้อาจารย์ประจำเข้าร่วมกิจกรรมทางวิชาการในระดับภูมิภาคเอเชียเพื่อเชื่อมและรักษาความสัมพันธ์ และเพื่อเรียนรู้และติดตามพัฒนาการทางกฎหมายและการศึกษากฎหมายในประเทศเพื่อนบ้าน
  4. ส่งเสริมการสร้างเครือข่ายศิษย์เก่าที่เข้มแข็งเพื่อให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพทางวิชาการของคณะนิติศาสตร์ มีส่วนร่วมในการพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ ของนักศึกษากฎหมาย และมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการดำเนินงานของคณะนิติศาสตร์ผ่านการระดมทุน
  5. เพิ่มจำนวนนักศึกษาแลกเปลี่ยนทั้งรับเข้ามาศึกษาและส่งออกไปศึกษา

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 4

มุ่งเน้นคุณภาพการให้บริการวิชาการที่ได้มาตรฐานสากล

เป้าประสงค์ พัฒนาการให้บริการทางวิชาการแก่สังคมทั้งในและต่างประเทศเพื่อให้ได้รับความรู้ ทางกฎหมายที่มีคุณภาพและสอดคล้องกับความต้องการอย่างเหมาะสม 

  1. ให้ความรู้และตอบปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมอย่างทันท่วงทีผ่านช่องทางการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพและสะดวกในการเข้าถึง เช่น การเผยแพร่และให้ความรู้ทางกฎหมายผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ หรือตอบคำถามกฎหมายปัจจุบันที่สังคมสงสัยโดยใช้รูปแบบที่น่าสนใจ เช่น การใช้ infographic
  2. เผยแพร่งานวิจัยเพื่อตอบโจทย์สังคมในรูปแบบที่เข้าถึงได้ง่ายและน่าสนใจ
  3. จัดทำวารสาร Thammasat Journal of Thai Legal Studies เป็นภาษาอังกฤษเพื่อเป็นแหล่งข้อมูลในการเผยแพร่ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายไทยในเวทีสากล
  4. จัดทำหลักสูตรอบรมระยะสั้นที่ทันสมัยและตอบสนองความต้องการของสังคมทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจ และศึกษาความเป็นไปได้ในการเปิดหลักสูตรอบรมระยะสั้นที่ตอบโจทย์ความต้องการของหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจในพื้นที่ภาคเหนือ
  5. ปรับปรุงและพัฒนาศูนย์ให้คำปรึกษาทางกฎหมายให้เป็นหน่วยที่สามารถให้บริการให้คำปรึกษาทางกฎหมายเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษแก่องค์กรของรัฐและองค์กรเอกชนโดยมีมาตรฐานในระดับทัดเทียมกับสำนักงานกฎหมาย เพื่อให้บริการทางกฎหมายแก่สังคมและเปิดโอกาสให้อาจารย์ประจำมีประสบการณ์การปรับใช้กฎหมายในทางปฏิบัติ
  6. เปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกที่สนใจสามารถเข้าฟังการบรรยายตามหลักสูตรในบางเรื่อง หรือการอบรมหรือการเผยแพร่ความรู้บนระบบออนไลน์เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปที่สนใจสามารถเรียนรู้และเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและสะดวกขึ้น
  7. ส่งเสริมให้นักศึกษากฎหมายมีส่วนร่วมให้การเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมายทั้งที่เป็นภาษาไทยและเป็นภาษาอังกฤษมากยิ่งขึ้นเพื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงกระบวนยุติธรรมอย่างเท่าเทียม

ประเด็นยุทธศาสตร์ที่ 5

มุ่งสู่ความมั่นคง ยั่งยืนด้วยการบริหารจัดการที่ทันสมัย

เป้าประสงค์ มีระบบการบริหารจัดการเรียนการสอนและการบริหารงานงานบุคคลที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ และบุคลากรสามารถทำงานเกิดผลสำเร็จในสภาพแวดล้อมที่ดีและปลอดภัย 

  1. พัฒนาให้คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็น smart law school โดยมีเป้าหมายที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนเพื่อให้กระบวนการเรียนรู้ของนักศึกษาเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว และสมบูรณ์มากที่สุด และนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดเก็บข้อมูล การบริหารงานบุคคล การจัดการเงินและงบประมาณ งานธุรการอื่น ๆ และการให้บริการแก่นักศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดความซับซ้อนของระบบการทำงาน เพื่อประหยัดเวลาและงบประมาณ ซึ่งจะสอดรับกับเป้าประสงค์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่จะเป็น smart university
  2. ส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่เรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา โดยการให้และหาแหล่งทุนสนับสนุนการศึกษาต่อในระดับปริญญาโท การศึกษาวิจัยระยะสั้นทั้งในและต่างประเทศ การเข้าร่วมฝึกอบรมพัฒนาทักษะการทำงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะในการใช้เทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการทำงาน
  3. ส่งเสริมให้อาจารย์เรียนรู้และพัฒนาตัวเองตลอดเวลา เช่น การจัดอบรมให้ความรู้เรื่องเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบต่อกฎหมาย และเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการเรียนการสอน เป็นต้น รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนางานวิจัยด้านกฎหมายสาขาต่าง ๆ กับเทคโนโลยี
  4. ส่งเสริมให้อาจารย์แลกเปลี่ยนความรู้ เกี่ยวกับเทคนิควิธีการสอน และการวัดผล ทั้งในและนอกชั้นเรียน เพื่อพัฒนาแนวทางการจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
  5. จัดหาแหล่งทุนสนับสนุนให้อาจารย์ประจำไปศึกษาในระดับปริญญาเอก เข้าร่วมการอบรมสัมมนาและการศึกษาวิจัยระยะสั้น และการเป็น visiting scholar หรือ visiting researcher ณ สถาบันการศึกษาหรือวิจัยภายในประเทศและต่างประเทศ
  6. จัดหาแหล่งทุนสนับสนุนในการดำเนินงานของคณะนิติศาสตร์เพื่อเสริมหรือทดแทนการได้รับการอุดหนุนจากงบประมาณแผ่นดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการระดมทุนจากศิษย์เก่าหรือบุคคลทั่วไปที่ประสงค์จะร่วมพัฒนาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  7. การส่งเสริมให้นักศึกษาระดับชั้นปริญญาตรี โท และเอก ที่มีผลการเรียนยอดเยี่ยมเข้าร่วมโครงการผู้ช่วยอาจารย์ (teaching fellowship) หรือผู้ช่วยวิจัย (research assistant) เพื่อเตรียมบุคลากรที่มีคุณภาพให้เป็นอาจารย์ประจำในอนาคต
  8. จัดตั้งหน่วยเทคโนโลยีสารสนเทศและประชาสัมพันธ์โดยมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในจำนวนเพียงพอที่จะให้การสนับสนุนการเรียนการสอน การวิจัย การให้บริการสังคม และการบริหารจัดการทางธุรการของคณะนิติศาสตร์อย่างมีประสิทธิภาพและสอดรับกับการเปลี่ยนของสังคมในยุค Thailand 4.0
  9. ปรับปรุงระบบการบริหารงานบุคคลและพิจารณาความดีความชอบของเจ้าหน้าที่เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานและเกิดความเป็นธรรม
  10. ปรับปรุงระบบการพิจารณาความดีความชอบ (การคิดคะแนน workload) ของอาจารย์ประจำให้ทันสมัย สอดคล้องกับนโยบายการบริหารงานและมีความเป็นธรรม
  11. พัฒนาระบบการพิจารณาความดีความชอบ การเลื่อนตำแหน่งทางวิชาการ ของอาจารย์ประจำชาวต่างชาติให้เกิดความชัดเจนและเป็นธรรม และปรับปรุงระบบธุรการให้เป็นภาษาอังกฤษมากขึ้นเพื่อสนับสนุนการทำงานของอาจารย์ประจำชาวต่างชาติ
  12. พัฒนาระบบการบริหารจัดการทางการเงิน บัญชี และพัสดุให้ทันสมัย ได้มาตรฐาน มีประสิทธิภาพและโปร่งใส
  13. วางแผนเรื่องอัตรากำลังและการทดแทนอัตรากำลัง (succession plan) รวมทั้งการพัฒนาบุคลากร (ทั้งเรื่องงบประมาณ สายความเชี่ยวชาญ) ของบุคลากรทั้งสายวิชาการและสายสนับสนุนวิชาการ
  14. แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมเพื่อตรวจสอบและเสนอแนะเพื่อให้บุคลากรและนักศึกษาที่มีข้อจำกัด เช่น ผู้พิการ นักศึกษาต่างชาติ ได้รับบริการและสามารถเรียนรู้ได้อย่างเท่าเทียม
  15. ปรับปรุงการให้บริการทางการศึกษา การวิจัย และงานธุรการให้ส่งเสริมการเรียนรู้ เพื่อให้บุคลากรและนักศึกษาที่มีข้อจำกัด เช่น ผู้พิการ นักศึกษาต่างชาติ ได้รับบริการและสามารถทำงานและเรียนรู้ได้อย่างเท่าเทียม

หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต (ภาคปกติ) ศูนย์รังสิต

กิต  เนื้อหารายวิชามุ่งให้ความรู้ความเข้าใจพื้นฐานต่อกฎหมายและนิติวิธีเบื้องต้น มีความรู้ความเข้าใจต่อเนื้อหาของกฎหมายพื้นฐานในสาขากฎหมายต่าง ๆ ที่สำคัญ นิติวิธีที่เกี่ยวข้อง สามารถเข้าใจความแตกต่างของลักษณะเฉพาะและนิติวิธีเฉพาะของแต่ละสาขากฎหมาย โดยสามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของกฎหมายต่าง ๆ ที่อยู่ในระบบกฎหมายเดียวกันได้ สามารถพิจารณากฎหมายจากมุมมองอื่น ๆ นอกจากบนพื้นฐานของตัวบทกฎหมายหรือเอกสารทางกฎหมาย และมีทักษะพื้นฐานและจรรยาบรรณในการประกอบวิชาชีพ นอกจากนี้ หลักสูตรยังมีสาขาความเชี่ยวชาญทางกฎหมายเฉพาะด้าน 6 สาขา ดังนี้  สาขากฎหมายแพ่ง  สาขากฎหมายอาญา  สาขากฎหมายพาณิชย์  สาขากฎหมายมหาชน  สาขากฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายและการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อให้นักศึกษาเลือกศึกษาและมีความเชี่ยวชาญทางกฎหมายเฉพาะด้านนั้น ๆ

คณะนิติศาสตร์รับผู้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่าเข้าศึกษาในหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต ภาคปกติ โดยเปิดรับสมัคร 3 รอบ ดังต่อไปนี้

  • รอบที่ 1 โครงการผู้มีความสามารถดีเด่นทางการกีฬา
  • รอบที่ 2 รอบโควตา เปิดรับสมัคร 7 โครงการ ได้แก่ โควตาพื้นที่ โครงการธรรมศาสตร์ช้างเผือก โครงการนักเรียนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้  โครงการรับนักเรียนพลเมืองจิตอาสา  โครงการนักศึกษาผู้มีความสามารถโดดเด่นทางการกีฬา  โครงการส่งเสริมนักเรียนเรียนดีภาคกลาง  และโครงการนักศึกษาพิการ 
  • รอบที่ 3 Admissions

หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต (ภาคปกติศูนย์ลำปาง 

พ.ศ. 2546  คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปางเริ่มก่อตั้งขึ้นและเปิดการเรียนการสอนทางด้านกฎหมายในระดับปริญญาตรีให้แก่ผู้ที่สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีในสาขาอื่นมาแล้ว หรือที่เรียกว่า หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต (ภาคบัณฑิต)

พ.ศ. 2552  คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปางเริ่มจัดการเรียนการสอนทางด้านกฎหมายในระดับปริญญาตรีให้แก่นักเรียนที่จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายปีที่ 6 หรือเทียบเท่า หรือที่เรียกว่าหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต (ภาคปกติ) ศูนย์ลำปาง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาให้แก่นักเรียนที่มีภูมิลำเนาหรือสนใจที่จะศึกษาในภาคเหนือของประเทศ    การจัดการเรียนการสอนของหลักสูตรนี้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันกับหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิตของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต   การถ่ายทอดความรู้เป็นไปอย่างมีคุณภาพด้วยคณาจารย์ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายในสาขาต่าง ๆ ทั้งที่ประจำอยู่ที่ท่าพระจันทร์ ศูนย์รังสิต และศูนย์ลำปาง

พ.ศ. 2561  คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง ได้เพิ่ม “สาขากฎหมายกับการพัฒนาที่ยั่งยืน (Law and Sustainable Development)” ซึ่งเป็นสาขากฎหมายใหม่นอกเหนือจากสาขากฎหมายเดิมที่มีในหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต และมีการเรียนการสอน ณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง มาอย่างต่อเนื่อง  สาขากฎหมายใหม่นี้ประกอบด้วยรายวิชา ทางด้านกฎหมายเกือบ 20 วิชา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างนักกฎหมายที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาสังคมที่เกิดขึ้น   ตระหนักถึงความสำคัญของการดำรงชีวิตของคนในยุคปัจจุบันที่จะไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่คนรุ่นหลัง ทั้งด้านการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ที่มีอยู่จำกัดอย่างเห็นและตระหนักถึงคุณค่า   และให้ความสำคัญแก่การรักษาสภาพเศรษฐกิจที่ดี ในขณะเดียวกันก็ไม่ทำลายเศรษฐกิจของประเทศอื่น และรักษาไว้ซึ่งประโยชน์โดยส่วนใหญ่ของสังคมและคุณภาพชีวิตของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ บนโลก ซึ่งหลักการนี้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาและการอยู่ร่วมกันบนโลกอย่างสันติสุขภายใต้การให้ความสำคัญโดยองค์การสหประชาชาติ (United Nation : UN)

โครงสร้างหลักสูตรของหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิตที่เปิดสอน ณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง ประกอบด้วยการศึกษารายวิชารวมกันไม่น้อยกว่า 128 หน่วยกิต โดยใช้ระยะเวลาในการศึกษา 4 ปี

คณะนิติศาสตร์ ศูนย์ลำปางรับนักเรียนหรือนักศึกษาที่กำลังศึกษาหรือสำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่าเข้าศึกษา ประมาณปีละ 200 คน โดยเปิดรับสมัครตามระบบการคัดเลือกกลางบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา (TCAS) ทั้งหมด 2 รอบ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

  • TCAS รอบที่ 2 (Quota)หรือโครงการโควตาพื้นที่ (ศูนย์ลำปาง) รับนักเรียนหรือนักศึกษาที่กำลังศึกษาหรือสำเร็จการศึกษาจากสถานศึกษาที่อยู่ในเขตพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดลำปาง พิษณุโลก นครสวรรค์ แพร่ เชียงราย น่าน อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ ตาก  ลำพูน เชียงใหม่ พะเยา แม่ฮ่องสอน กำแพงเพชร สุโขทัย พิจิตร และ อุทัยธานี และเขตพื้นที่ 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดกาฬสินธุ์  ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม นครราชสีมา บึงกาฬ  บุรีรัมย์  มหาสารคาม  มุกดาหาร  ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย ศรีสะเกษ สกลนคร  สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ  อุดรธานี และอุบลราชธานี
  • TCAS รอบที่ 3 (Admission) รับนักเรียนหรือนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาทุกเขตพื้นที่การศึกษา โดยต้องศึกษาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปางเท่านั้น

 

นอกจากนี้ การเรียนการสอนที่จัด ณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง ยังให้ความสำคัญกับความผูกพัน ความใกล้ชิด และความอบอุ่นระหว่างคณาจารย์ประจำศูนย์ลำปางและนักศึกษา และยังเปิดโอกาสให้นักศึกษาสามารถใช้ชีวิตภายใต้สภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ บรรยากาศร่มรื่น และปราศจากความเร่งรีบจากสภาพการจราจรที่แออัดในเมืองใหญ่ ซึ่งช่วยให้นักศึกษาสามารถบริหารจัดการชีวิตของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งเรื่องการเรียน การทำกิจกรรม และการพักผ่อน โดยปราศจากความกังวลในเรื่องคุณภาพการศึกษาและโอกาสในการประกอบอาชีพที่ไม่แตกต่างจากศูนย์การศึกษาอื่น

หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต(ภาคบัณฑิต)

หลักสูตรนิติศาสตรมหาบัณฑิต 

หลักสูตร International LL.B. Program in Business Law 

หลักสูตร International LL.M. Program in Business Law 

หลักสูตรนิติศาสตรดุษฎีบัณฑิต

 

หลักสูตรนิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตมุ่งเน้นการศึกษาที่มีการค้นคว้าวิจัยด้านนิติศาสตร์ด้วยตนเอง และการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงโดยการสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงการสร้างองค์ความรู้ใหม่ให้สอดคล้องกับสังคมที่เปลี่ยนแปลอย่างรวดเร็วตามภาวะเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนเทคโนโลยีสารสนเทศในบริบทการจัดการศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างรวดเร็ว รวมถึงมุ่งเน้นการสร้างและพัฒนาบัณฑิตให้มีทักษะแห่งอนาคตอย่างเท่าทัน โดยบูรณาการกฎหมายและศาสตร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ามาสู่กระบวนการจัดการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการวิจัยที่มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคม ตลอดจนสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนของสังคมไทยและสังคมโลกให้สอดคล้องกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน

โดยหลักสูตรนิติศาสตรดุษฎีบัณฑิต เป็นการสร้างโครงการวิจัยและการดำเนินการวิจัยอันก่อให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ในสาขาวิชานิติศาสตร์ วิชาวิทยานิพนธ์ 48 หน่วยกิต และจัดการเรียนการสอนนอกเวลาราชการโดยใช้ระยะเวลาการศึกษา 2 ปีการศึกษา

การเข้าศึกษาตามหลักสูตรนิติศาสตรดุษฎีบัณฑิต ผู้สมัครสอบความรู้เกี่ยวกับข้อเสนอวิทยานิพนธ์ที่ผู้สมัครประสงค์จะทำในระดับปริญญาเอก และนอกจากนี้ผู้สมัครจะต้องมีผลการทดสอบคะแนนภาษาอังกฤษ (TU-GET/TOEFL/IELTS) เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด

หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารกระบวนการยุติธรรม 

หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตทางกฎหมายมหาชน (หลักสูตรปรับปรุง พ.ศ. 2560)